เหตุการณ์ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เป็นเหตุการณ์ที่กลุ่ม
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดล้อม
อาคารรัฐสภาในวันที่
6 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เพื่อกดดันไม่ให้
คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อที่ประชุม
รัฐสภา โดยอ้างว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ
[1]จนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในวันที่ 7 ตุลาคมในวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2551 หลังจากที่ผู้ชุมนุมจากจังหวัดต่าง ๆ ได้ทยอยสู่ที่ชุมนุมแล้ว เวลาประมาณ 20.30 น. แกนนำพันธมิตรทั้งรุ่นแรกและรุ่นที่สองได้ขึ้นเวทีพร้อมกัน และประกาศขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังหน้าอาคารรัฐสภา เพื่อทำการปิดล้อมไม่ให้รัฐบาลแถลงนโยบายได้ในวันรุ่งขึ้น (7 ตุลาคม)เวลาประมาณ 06.20 น. ของเช้าวันอังคารที่ 7 ตุลาคม ตำรวจได้ระดมยิง
แก๊สน้ำตาร่วม 100 นัด เพื่อเป็นการเปิดเส้นทางให้คณะรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภาเข้าไปประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
[2] ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดย นาง รุ่งทิวา ธาตุนิยม บาดเจ็บสาหัสภายหลังเสียชีวิตลง ในวันที่ 5 กันยายน 2559
[3] ในวันดังกล่าวกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เข้าทำการตัดน้ำตัดไฟในอาคารรัฐสภา ทางรัฐสภาจึงต้องใช้ไฟฟ้าสำรอง ต่อมาในเวลาประมาณ 09.30 น. การแถลงนโยบายร่วมได้เริ่มขึ้น แต่ ส.ส. และ ส.ว. หลายคนไม่ได้อยู่ในที่ประชุม นาย
ชัย ชิดชอบ ประธานสภาได้ให้นับองค์ประชุมปรากฏว่าไม่ครบองค์ประชุม จึงได้ให้พักการประชุม และเมื่อเปิดประชุมใหม่ปรากฏว่ามีเพียง ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น รวมจำนวน 320 คน ส่วน
พรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายค้านได้
คว่ำบาตรการแถลงนโยบายครั้งนี้เมื่อ
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายเสร็จเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ก็ไม่สามารถจะเดินทางออกมาได้ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดกั้นประตูทางออกแทบทุกทาง จึงต้องเดินทางด้วย
เฮลิคอปเตอร์ของตำรวจแทน พร้อมด้วย
ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาว ไปยัง
กองบัญชาการกองทัพไทย ที่ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อหารือกับผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ ถึงสถานการณ์[
ต้องการอ้างอิง]ต่อมาเวลา 16.00 น. เกิดเหตุการณ์รถจิ๊ปเชโรกีระเบิดที่หน้าที่ทำการ
พรรคชาติไทย มีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย คือ พ.ต.ท.
เมธี ชาติมนตรี เป็นแกนนำพันธมิตรฯ จ.
บุรีรัมย์ เป็น นรต.46 อดีตตำรวจ สวป.บุรีรัมย์ เป็นน้องเขยของนาย
การุณ ใสงาม ผู้ประสานงานพันธมิตรต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. บรรดา ส.ส. และ ส.ว. ยังคงติดอยู่ภายในอาคารรัฐสภา เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมให้บุคคลกลุ่มดังกล่าวออก โดยให้ผู้จะออกแสดงบัตร และอนุญาตให้ออกเฉพาะที่ไม่ใช่ ส.ส. และ ส.ว. เท่านั้น เช่น พนักงานสภาและสื่อมวลชน ต่อมา ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตายิงอีกหลายนัด เพื่อเปิดทางให้ ส.ส. และ ส.ว. ออกไปได้ และระดมยิงแก๊สน้ำตาต่อเนื่องไปจนถึงหัวค่ำ ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลและ
ลานพระบรมรูปทรงม้า จากการปะทะกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวมยอดผู้บาดเจ็บทุกฝ่ายทั้งสิ้นในขณะนั้น 381 ราย เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ พ.ต.ท.
เมธี ชาติมนตรี และ
อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ[4] และตำรวจได้รับบาดเจ็บ 11 นาย
[5]หลังจากนั้นไม่นาน พล.อ.
ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สังคมหลายภาคส่วนได้ประณามการกระทำของตำรวจครั้งนี้ หลังจากเหตุการณ์การปะทะกัน
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานหน่วยพยาบาลเพื่อให้ทำการดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บ และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนสามแสนบาทแก่
โรงพยาบาลรามาธิบดีเพื่อเป็นการค่าใช้จ่ายในการรักษา
[6]ผู้
ทุพพลภาพ ขาขาด ได้แก่ นาย ตี๋ แซ่เดียว
[7]นาย บัญชา บุญแก้ว ขาขาด นาย ธัญญา กุลแก้ว ขาขาด นางสาว นาฎยา ธิยา นิ้วเท้าขวาขาด นาย ชิงชัย อุดมเจริญกิจ ข้อมือขวาขาด
[8]และ นาย เสถียร ทับมะลิผล โดย นาย เสถียร ทับมะลิผล เสียชีวิต 14 กรกฎาคม 2555มีตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส 5 ราย ได้แก่ ร.ต.ต.เกียงไกร กิ่งสามี, ส.ต.ท.พงษ์ไท เชื้อชุมสุข ส.ต.ต.พีรเชษฐ์ ธราปัญจทรัพย์, ส.ต.ท.เศรษฐวุฒิ บัวทุม และส.ต.ท.วุฒิชัย คำปงศักดิ์ เนื่องจาก นายปรีชา ตรีจรูญ
[9] ขับรถชนนอกจากนั้น พลตำรวจตรี โกสินทร์ บุญสร้าง ถูกทำร้ายร่างกายจนสลบหมดสติในเหตุการณ์นี้